แล้วตกลง “Raku” คืออะไร?
- Hymn Sopitarchasak
- 9 เม.ย. 2562
- ยาว 1 นาที
ครั้งที่แล้วผมได้เล่าไปแล้วว่าเครื่องปั้นดินเผาที่เรียกว่า Raku มีที่มาที่ไปในทางประวัติศาสตร์ยังไง วันนี้เลยจะมาต่อกันที่ว่า แล้วตกลงไอ้เจ้า Raku เนี่ย มันมีลักษณะยังไงกันบ้าง
ก่อนอื่นเลย อย่างที่เล่าไปในครั้งที่แล้วว่า Raku มีที่มาที่เชื่อมโยงกับ “วาบิชา” ซึ่งเป็นพิธีชงชาที่เน้นไปที่ความงามของความไม่สมบูรณ์ ความเรียบง่าย ความไม่ยั่งยืน ดังนั้นเครื่องปั้นดินเผา Raku ในยุคเริ่มต้นจึงเป็นถ้วยชาที่ใช้มือทำ ไม่ใช้เครื่องหมุน เลยจะมีลักษณะเบี้ยว ๆ ไม่สมมาตร
แต่นอกจากนั้นแล้ว เครื่องปั้นดินเผาแบบ Raku นั้นยังมีรายละเอียดในขั้นตอนการเผาที่ต่างไปจากการทำเครื่องปั้นดินเผาแบบทั่ว ๆ ไป
โดยทั่ว ๆ ไป หลังจากเผาเครื่องปั้นดินเผาเสร็จ เราจะทิ้งให้เครื่องปั้นดินเผาเอาไว้ในเตา คือค่อย ๆ ปล่อยให้มันเย็นตัวลงอยู่ในเตาอย่างนั้นไปก่อน ส่วนการเผาแบบ Raku จะไม่ปล่อยให้เครื่องปั้นดินเผาค่อย ๆ เย็นอยู่ในเตาครับ แต่จะเอาเครื่องปั้นดินเผาออกมาทันที เพื่อให้เกิดการเย็นตัวลงอย่างรวดเร็ว หรือบางทีก็เอาไปจุ่มน้ำซะเลย การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิแบบรวดเร็วแบบนี้ก็จะทำให้พวกสารเคลือบผิวที่ฉาบไว้อยู่เกิดรอยแตกเล็ก ๆ เป็นลวดลายแบบแรนด้อม ๆ

ต่อมาพอเทคนิคนี้แพร่ไปทางฝั่งตะวันตกก็มีการประยุกต์เพิ่มเติม เช่น พอเอาออกมาจากเตาก็เอาพวกของที่เผาไหม้ได้ เช่น ขนหางม้า ขนนก กระดาษหนังสือพิมพ์ ฯลฯ มาใส่ พอของพวกนั้นมาโดนกับเครื่องปั้นที่เพิ่งออกจากเตามาร้อน ๆ (ประมาณ 1000 องศาเซลเซียส) ก็จะเกิดการติดไฟไหม้เป็นลายสีดำ ๆ ในบริเวณที่ไม่ได้ลงเคลือบไว้ (ดูรูป)
นอกจากนี้ก็ยังมีการประยุกต์วิธีการเผาแบบ Raku ไปใช้กับเครื่องปั้นดินเผาที่ปั้นด้วยแป้นหมุน ซึ่งคนก็ยังเรียกว่าเป็น Raku ware อยู่ดี ซึ่งถ้าลองนึกถึงหลักกการของความเป็น Raku แบบดั้งเดิมที่เน้นเรื่องความไม่สมบูรณ์ก็อาจจะเรียกได้ว่าความหมายของ Raku มันคลาดเคลื่อนไปนิดหน่อย
แต่ก็ไม่ได้มีอะไรเสียหายนะครับ วัฒนธรรมของโลกนี้เป็นสิ่งที่หยิบยืมและถูกนำไปต่อยอดกันตลอดอยู่แล้ว ยิ่งหยิบยืมไปต่อยอดก็ยิ่งเกิดความหลากหลาย เกิดสิ่งสวยงามใหม่ ๆ ให้เราได้เสพกัน ผมว่ามันก็ดีนะ :-)
Comments